อักษรย่อในฉลากสารเคมีหมายถึงอะไร
ชื่อและอักษรย่อในฉลากสารเคมีหมายถึงอะไร
เมื่อต้องการใช้สารเคมีกำจัดยุงและแมลง ด้านสาธารณสุข ในการควบคุมโรค เช่น ไข้เลือดออก มาลาเรีย ซึ่งมีขายมากมายหลายยี่ห้อในท้องตลาด บางครั้งก็มีชื่อยี่ห้อคล้ายกันบ้างต่างกันบ้าง ทำให้เกิดความสับสน โดยเฉพาะกับใบกำกับที่ติดมากับสารเคมีนั้น ซึ่งมีชื่อและอักษรย่อต่างกันไป ชื่อและอักษรย่อบนใบกำกับมีความหมายดังนี้
ชื่อการค้า (Trade name) เป็นชื่อที่บริษัทผู้ขายสารเคมีตั้งขึ้นและจดทะเบียนใช้เป็นชื่อการค้าของบริษัทนั้น การตั้งชื่อการค้ามักตั้งชื่อเพื่อให้เกิดความน่าสนใจในตัวสินค้า บางครั้งก็ใช้ชื่อบริษัทร่วมกับชื่อที่แสดงความหมายว่าเป็นชื่อสารเคมีเกษตรนั้นหรือชื่อสามัญของสารนั้น บางครั้งก็ใช้ชื่อแสดงสรรพคุณของสารนั้น นอกจากนี้ยังอาจมีหลายบริษัทที่ผลิตสารเคมีชนิดเดียวกันแต่มีชื่อทางการค้าต่างกัน
ชื่อสามัญ (Common name) เป็นชื่อสารเคมีเกษตรซึ่งทางวิชาการถือว่าเป็นชื่อกลางๆ และใช้กันทั่วไป เช่น ไซเพอร์เมทริน (Cypermethrin) พาราไธออน (Parathion) มาลาไธออน (Malathion) เพอร์์เมทริน (Permethrin) เดลต้าเมทริน (Deltamethrin) เป็นต้น ดังนั้นการเลือกซื้อสารเคมีจึงควรรู้จักชื่อสามัญของสารนั้น
ชื่อผูกขึ้น (Code name) ผูกขึ้นจากชื่อเรียกตามภาษาทางเคมี ซึ่งมักเป็นชื่อที่ยืดยาว การผูกชื่อมักจะใช้อักษรหน้าของคำมาผูกใหม่สั้นๆ เมื่อเรียกนานๆ ไปก็เคยชินจนเป็นที่ทราบกันดี เช่น ดีดีที ย่อมาจากคำ Di-phynyl Di-ethyl Tri-chloroethane ซึ่งเป็นอินทรีย์เคมีสาร
ชื่อสารออกฤทธิ์ (Active ingredient หรือ a.i.) หมายถึง เนื้อสารจริงๆ ที่จะแสดงผลต่อแมลงได้ตามคุณสมบัติที่สารนั้นมีอยู่ มักจะบอกเป็นความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ในสารผสมทั้งหมด เช่น เปอร์เซ็นต์ของสารออกฤทธิ์ในสารผสมทั้งหมด หรือแสดงหน่วยน้ำหนักต่อปริมาตร บางบริษัทอาจใช้คำว่า สารสำคัญ แทนคำว่า สารออกฤทธิ์ บางครั้งก็ใช้ชื่อสารเคมี
สภาวะของสารเคมี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรศึกษาและพิจารณา สารเคมีอาจผลิตออกจำหน่ายในสภาวะต่างๆ กัน โดยเหตุผลที่ต่างกันไป บางทีก็ใช้อักษรย่อหรือคำเต็มแสดงสภาวะของสารเคมีเหล่านั้นติดไว้ที่ฉลากของภาชนะ ซึ่งมีความหมายดังนี้
คำย่อ | คำเต็ม | สภาวะ |
WSC | Water Soluble Concentrate สารละลายเข้มข้น |
เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปสารละลายใส เมื่อจะใช้จึงนำมาผสมน้ำ จะได้สารละลายใสเช่นกัน |
EC | Emulsifiable Concentrate สารละลายน้ำมัน |
สารละลายบางชนิดละลายได้ดีในน้ำมัน จึงต้องเตรียมอยู่ในรูปน้ำมัน แต่สารที่อยู่ในรูปน้ำมันนี้เมื่อนำไปผสมกับน้ำจะไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน ทางผู้ผลิตจึงผสมสารที่ช่วยให้น้ำมันกับน้ำรวมตัวกันได้ดีขึ้นและไม่แยกชั้น เรียกสารนี้ว่า Emulsifier ผลิตภัณฑ์ในรูปนี้เมื่อผสมกับน้ำจะได้สารผสมที่มีลักษณะขุ่นเหมือนน้ำนม แต่ไม่ตกตะกอนหรือแยกชั้น |
SC | Suspension Concentrate สารแขวนลอยเข้มข้น |
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะขุ่นคล้ายแป้งผสมน้ำ เมื่อจะใช้จึงนำมาผสมน้ำ จะได้สารผสมซึ่งขุ่นคล้ายแป้งผสมน้ำเช่นกัน |
WSP | Water Soluble Power ผงละลายน้ำ |
เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปผง เมื่อจะใช้จึงนำมาผสมน้ำ จะได้สารละลายใสไม่ตกตะกอน |
WP | Wetable Power ผงเปียกน้ำ |
เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปผง เมื่อจะใช้จึงนำมาผสมน้ำ จะได้สารแขวนลอยลักษณะขุ่นคล้ายแป้งผสมน้ำ ผลิตภัณฑ์ในรูปนี้มักมีส่วนผสมของสารที่มีคุณสมบัติผลักดันอนุภาคของแข็งชนิดเดียวกันให้แยกออกจากกัน ทำให้อนุภาคเล็กๆ เหล่านี้แขวนลอยอยู่ได้นานโดยไม่ตกตะกอน เรียกสารชนิดนี้ว่า Dispersants |
D | Dust ผง |
เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปผง เตรียมขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ไม่ต้องผสมน้ำหรือสารใดๆ อีก |
G | Granule เม็ด |
เป็นผลิตภัณฑ์ที่เตรียมเป็นเม็ดเพื่อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง หรือละลายน้ำก่อนนำไปใช้ |
P | Paste ครีม |
เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปของสารกึ่งแข็งกึ่งเหลว เตรียมขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง โดยการทาหรือป้ายในบริเวณที่ต้องการ |
F | Fumigant รมควัน |
อาจเป็นผงหรือนำมาอัดเป็นเม็ดหรือเป็นน้ำ แต่เมื่อจะใช้งานนำมาทำให้เป็นควัน ใช้รม |
A | Aerosol ละออง |
เตรียมอยู่ในภาชนะที่มีแรงอัดอยู่ภายใน เมื่อพ่นจะกระจายออกมาเป็นหมอกละออง หรือที่มักเรียกกันว่าสเปรย์ |
สารเคมีที่มีสภาวะต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า ผู้ผลิตมีความประสงค์ที่จะทำให้สารเคมี มีสภาวะเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อประโยชน์ในการใช้โดยเฉพาะ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้ให้ถูกต้อง เพื่อให้สารเคมีเหล่านั้น อำนวยประโยชน์ตามความมุ่งหมายได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความเข้มข้นของสารเคมี สารเคมีที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วๆ ไปประกอบขึ้นด้วยเนื้อสารเคมีซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์และสารอื่นๆ ที่ใส่เป็นสารผสม เพื่อให้มีความเข้มข้นตามประสงค์ บางทีอาจพบว่ามีสารเคมีที่ใช้ชื่อทางการค้าต่างกัน เมื่ออ่านดูจะพบว่าเป็นสารเคมีชนิดเดียวกัน แต่มีความเข้มข้นหรือเปอร์เซ็นต์สารออกฤทธิ์สูงต่ำต่างกัน เช่น 25 เปอร์เซ็นต์ ย่อมมีเนื้อสารออกฤทธิ์สูงเป็น 1.5 เท่าของ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น ดังนั้นการใช้สารเคมีจะใช้มากน้อยเท่าใด หรือมีความเข้มข้นแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของเนื้อสารออกฤทธิ์ที่มีอยู่ในสารเคมีนั้น ส่วนการพิจารณาเปรียบเทียบราคาก่อนตกลงซื้อ ก็ควรจะเปรียบเทียบจากความเข้มข้นที่ต่างกันด้วย โดยคิดว่า ถ้าหากเนื้อสารออกฤทธิ์ที่แท้จริงอยู่ในสารเคมีปริมาณเท่าๆ กันแล้ว ชนิดไหนถูกแพงกว่ากัน การบอกความเข้มข้นของสารเคมีมีดังนี้
ความเข้มข้น | ความหมาย |
เปอร์เซ็นต์ % |
จำนวนส่วนใน 100 ส่วน เช่น NAA 5% หมายความว่าในสารละลาย 100 ส่วน จะมี NAA อยู่ 5 ส่วน |
โมล่าร์ Molar |
ปริมาณกรัมโมเลกุลของสารในสารละลาย 1 ลิตร เช่น IAA มีความเข้มข้น 1 โมล่าร์ หมายความว่า ในสารละลาย 1 ลิตร จะมี IAA อยู่ 1 กรัม โมเลกุล ซึ่ง IAA มีน้ำหนักโมเลกุลเท่ากับ 175.2 กรัมต่อโมล |
น้ำหนักต่อปริมาตร weigth per volume , w/v |
น้ำหนักของเนื้อสารในสารผสมหนึ่งปริมาตร เช่น 1 กรัมต่อลิตร หมายความว่ามีเนื้อสารอยู่ 1 กรัม ในสารละลาย 1 ลิตร |
น้ำหนักต่อน้ำหนัก weigth per volume , w/w |
น้ำหนักของเนื้อสารในสารผสมหนึ่งน้ำหนัก เช่น 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หมายความว่ามีเนื้อสารอยู่ 1 มิลลิกรัม ในสารผสม 1 กิโลกรัม |
ส่วนต่อล้านส่วน part per million , ppm |
จำนวนส่วนของเนื้อสารในสารละลาย 1 ล้านส่วน เช่น SADH 1,000 ppm หมายถึงสารละลาย 1 ล้านส่วน มี SADH 1,000 ส่วน |
ตัวอย่างเช่นสารกำจัดแมลงซึ่งมีชื่อสามัญ เดลต้าเมทริน (Detamethrin) ของสองบริษัทซึ่งมีชื่อการค้าต่างกัน คือ เดลต้า100 และ กัสต้า100 แต่มีชื่อสามัญและความเข้มข้นเหมือนกันคือ Detamethrin 1% W/V EC ความหมายก็คือ สาร Detamethrin ความเข้มข้น 1% หรือ สารละลาย 100 มิลลิลิตร(cc) มีสาร Detamethrin 1 กรัม และเป็นสารละลายน้ำมันและน้ำ ดังนั้นสารกำจัดแมลงของทั้งสองบริษัทหรือหลายๆบริษัท จึงใช้แทนกันได้
*** ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.panmai.com
ขอบคุณมากค่ะได้ความรู้จึ้นเยอะเลยคะ